บทที่
2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก
(WebBlog) ด้วย Blogger เรื่องแนะนำจังหวัดกาฬสินธุ์ นี้
ผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 เว็บบล็อก
2.2 ประวัติจังหวัดกาฬสินธุ์
2.3 ข้อมูลจังหวัดกาฬสินธุ์
2.1 เว็บบล็อก (Webblog)
บล็อก
(อังกฤษ: blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า
เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง
ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน
ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ
ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้
จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล
สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที
คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก
และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก
โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น
การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน
นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์
ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน
นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น
เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า
โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น
และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
2.2 ประวัติจังหวัดกาฬสินธุ์
สมัย กรุงธนบุรีประมาณ พ.ศ.2310
พระเจ้าองค์เวียนดาแห่งนครเวียงจันทน์ ได้สิ้นพระชนม์
โอรสท้าวเพี้ยเมืองแสนได้ยกกองทัพเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์และได้สถาปนา ขึ้นเป็น
พระเจ้าแผ่นดินสืบแทน ทรงพระนามว่า "พระเจ้าศิริบุญสาร"
พ.ศ. 2320 ท้าวโสมพะมิตร และ อุปราชเมืองแสนฆ้องโปง
เมืองแสนหน้าง้ำเกิดขัดใจกับพระเจ้าศิริบุญสาร
จึงรวบรวมผู้คนอพยพจากดินแดนทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
ข้ามมาตั้งบ้านเรือนบริเวณลุ่มน้ำก่ำแถบบ้านพรรณา
(ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร) ต่อมาท้าวศิริบุญสารได้ยกกองทัพติดตามมา
ท้าวโสมพะมิตรจึงอพยพต่อไปโดยแยกเป็น 2 สาย คือ
· สายที่ 1 มี เมืองแสนหน้าง้ำเป็นหัวหน้า
อพยพไปทางทิศตะวันออกสมทบกับพระวอหลบหนีไปจนถึงนครจำปาศักดิ์ขอพึ่งบารมี ของ
พระเจ้าหลวงแห่งนครจำปาศักดิ์ และตั้งบ้านเรือน ณ ดอนค้อนกอง
ต่อมาเรียกว่า "ค่ายบ้านดู่บ้านแก"
ในปี พ.ศ. 2321 พระเจ้าศิริบุญสาร ให้เพี้ยสรรคสุโภย
ยกกองทัพมาปราบ พระวอตายในสนามรบ ผู้คนที่เหลือจึงอพยพไปอยู่ในเกาะกลางลำแม่น้ำมูล
ชื่อว่า "ดอนมดแดง" (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดอุบลราชธานี)
· สายที่ 2 มีท้าวโสมพะมิตรเป็นหัวหน้า
ได้อพยพข้ามสันเขาภูพานลงมาทางใต้ และตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านกลางหมื่น ต่อมาท้าวโสมพะมิตร
ได้ส่งท้าวตรัยและคณะ
ออกเสาะหาชัยภูมิที่จะสร้างเมืองใหม่ใช้เวลาประมาณปีเศษจึงพบทำเลที่เหมาะสม
คือบริเวณลำน้ำปาวและเห็นว่าแก่งสำโรงชายสงเปลือยมีดิน น้ำอุดมสมบูรณ์
จึงอพยพผู้คนมาตั้งบ้านเรือนและได้จัดตั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
พ.ศ. 2336 ท้าวโสมพะมิตรได้ นำเครื่องบรรณาการ คือ กาน้ำสัมฤทธิ์
เข้าถวายสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
แห่งราชวงศ์จักรี และขอตั้งบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง ได้รับพระราชทานนามว่า
"กาฬสินธุ์" และได้แต่งตั้งให้ ท้าวโสมพะมิตรเป็น "พระยาชัยสุนทร"
พ.ศ. 2437 สมัยพระยาชัยสุนทร (ท้าวเก)
ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเป็นแบบเทศาภิบาล มี มณฑล จังหวัด อำเภอ ตำบล
และให้เมืองกาฬสินธุ์ เป็น "อำเภออุทัยกาฬสินธุ์"
ขึ้นกับจังหวัดร้อยเอ็ด
วันที่ 1 สิงหาคม 2456 ได้ยกฐานะอำเภออุทัยกาฬสินธุ์เป็น
"จังหวัดกาฬสินธุ์" ให้มีอำนาจปกครอง อำเภออุทัยกาฬสินธุ์
อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอ กมลาไสย และอำเภอยางตลาด
โดยให้ขึ้นต่อมณฑลร้อยเอ็ด
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2474 จังหวัดกาฬสินธุ์ถูกยุบเป็นอำเภอ
ขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม และ 1 ตุลาคม 2490 ได้ยกฐานะเป็น
"จังหวัดกาฬสินธุ์" จนถึงปัจจุบัน
กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน
จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า
ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ.
2336 โดยท้าวโสมพะมิตร ได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงพร้อมไพร่พล
และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวายสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราช ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง
และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองน้ำดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ”
“สินธุ์” แปลว่า “น้ำ” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “น้ำดำ” ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาชัยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก
จังหวัด กาฬสินธุ์ ห่างจากกรุงเทพมหานคร โดยทางรถยนต์ประมาณ 519
กิโลเมตร มีเนื้อที่ ประมาณ 6,946.746 ตร.กม. หรือ ประมาณ 4,341,716 ไร่ หรือ ร้อยละ 4.5 ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2.3 ข้อมูลจังหวัดกาฬสินธุ์
2.3.1 สัญลักษณ์ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
สัญลักษณ์ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นรูปบึงใหญ่
ตฤณชาติและเมฆพยับฝน หมายถึง
สัญลักษณ์ของ ความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาค
ทิวเขาตรงสุดขอบฟ้า คือ
แนวกั้นเขตแดนกับจังหวัดใกล้เคียง
น้ำในบึงมีสีดำเพื่อให้ตรงกับชื่อของกาฬสินธุ์
ซึ่งก่อตั้งเป็นเมือง พ.ศ.2336 จังหวัดกาฬสินธุ์แยกจากจังหวัดมหาสารคาม เมื่อ พ.ศ. 2490 ให้ชื่อย่อ "กส"
หลวงพ่อองค์ดำลือเลื่อง เมืองฟ้าแดดสงยาง
โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย
มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี
ต้นมะหาด เป็นไม้พระราชทานปลูกเพื่อเป็นมงคลประจำจังหวัดกาฬสินธุ์มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
"ARTOCARPUS LAKOOCHA ROXB" อยู่ในวงศ์ MORACEAE เป็นต้นไม้สูง 15 - 25 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนเกือบมนใบมีขนสากมือทั้งสองด้าน
ใบดก
ดอก ออกเป็นช่อรวมทรงเกือบกลมตามซอกใบและปลายกิ่งดอกเป็นสีเหลือง
ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์
ผล กลม ผิวขรุขระ สีเขียวเมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง
ผลโตเต็มที่เกือบเท่าผลส้มเขียวหวาน เนื้อด้านในของผลเป็นสีโอลด์โรส
มีรสเปรี้ยวปนหวานเล็กน้อย สามารถรับประทานได้ มี 4 - 5 เมล็ด ออกผลประมาณเดือนมีนาคม ผลแก่เดือนพฤษภาคม
เนื้อไม้ หยาบและแข็งมาก
นิยมใช้ก่อสร้าง ทำเครื่องดนตรี เปลือกทำเชือกได้
ราก ให้สีเหลืองใช้ย้อมผ้า
สรรพคุณทางยา แก่นมะหาด
ต้มน้ำดื่มเป็นยาละลายเลือด แก้ลม แก้กษัย แก้ท้องผูก
ราก
ต้มน้ำดื่มแก้ไข้และขับพยาธิ
ดอกพยอม ชื่อวิทยาศาสตร์ Shorea roxburghii G. Don
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE ชื่อสามัญ Shorea
white Meranti พะยอมเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15–20 เมตร ทรงพุ่มกลม
ผิวเปลือกสีน้ำหรือเทา เนื้อไม้มีสีเหลืองแข็ง ลำต้นแตกเป็นร่องตามยาวมีสะเก็ดหนา
ใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบมน ขอบใบเรียบ
ด้านหลังใบมีเส้นใบชัด ดอกออกเป็นช่อ ใหญ่ส่วนยอดของต้น ดอกมีกลีบ 3 กลีบ
โคนกลีบดอกติดกับก้านดอกมีลักษณะกลม กลีบดอกเรียบโค้งเล็กน้อยมีสีเหลืองอ่อน
กลิ่นหอม
2.3.2รายพระนาม นาม ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง
ข้าหลวงประจำจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์
1 พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) ผู้ก่อตั้งเมืองและเจ้าเมืององค์แรก 2336
- 2349
2 พระยาชัยสุนทร (หมาแพง) 2349 - 2369
3 พระยาชัยสุนทร (เจียม) 2371
- 2382
4 พระยาชัยสุนทร (หล้า) 2383
- 2388
5 พระยาชัยสุนทร (ทอง) 2389
- 2394
6 พระยาชัยสุนทร (จารย์ละ) 2394
- 2395
7 พระยาชัยสุนทร (กิ่ง) 2395
- 2411
8 พระยาชัยสุนทร (หนู) 2411
- 2420
9 พระยาชัยสุนทร (นนท์) 2420
- 2425
10 พระยาชัยสุนทร (พั้ว) 2425
- 2433
11 พระยาชัยสุนทร (เก) 2433
- 2437
12 พระยาชัยสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางสุ) 2437
- 2444
14 พระยาชัยสุนทร (ปุย อินทรตุล) 2455 -
2461
15 พระยาชัยสุนทรภักดี 2461
- 2474
16 พระเสน่หามนตรี 2474
- 2483
17 พระอรรถเปศลสรวดี 2483
- 2490
18 ขุนบริบาลบรรพตเขต 2490
- 2492
19 ขุนรัตนวรพงศ์ 2492
- 2493
20 นายปลั่ง ทัศนประดิษฐ์ 2493
- 2496
21 ขุนบุราษฎรนราภัย 2496
- 2497
22 นายเชวง ไสยสุต 2497
- 2499
23 นายพร บุญยประสบ 2500
- 2502
24 นายเลื่อน ไขแสง 2502
- 2509
25 นายบุรี พรหมลักขโณ 2509
- 2513
26 นายสง่า จันทรสาขา 2513
- 2515
27 นายวิเชียร เวชสวรรค์ 2515
- 2516
28 นายดำรง วชิโรดม 2516
- 2519
29 นายอรุณ ปุสเทพ 2519
- 2521
30 นายกรี รอดคำดี 2521
- 2523
31 นายประกิต พิณเจริญ 2523
- 2527
32 นายสนอง รอดโพธิ์ทอง 2527 -
2528
33 ร.ต.ปฏิภาณ จูฑะพุทธิ 2528
- 2531
34 ร.ต.วัฒนา สูตรสุวรรณ 2531
- 2533
35 พ.ต.ดาวเรือง นิชรัตน์ 2533
- 2535
36 นายสนิทวงศ์ อุเทศนันทน์ 2535 - 2538
37 นายชวพงษ์ วัฒนสินธุ์ 2538
- 2540
38 นายประสิทธิ์ พรรณพิสุทธิ์ 2540 -
2541
39 นายวีระ เสรีรัตน์ 2541
- 2542
40 นายชัยรัตน์ มาประณีต 2542
- 2546
41 นายวรสิทธิ์ โรจนพานิช 2546
- 2547
42 นายนิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ 2547
- 2548
43 นายกวี กิตติสถาพร 2548
- 2550
44 นายประชา จิตสุทธิผล 2550
- 2551
45 นายเดชา ตันติยวรงค์ 2551
- 2552
46 นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ 1 ต.ค. 2552 - 25 พ.ย. 2554
47 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต 27 พ.ย. 2554 - ต.ค. 2555
48 นายสุวิทย์ สุบงกฎ 26 พ.ย. 2555 - พ.ค.2557
49 นายภุชงค์ โพธิกุฎสัย 2 มิ.ย. 2557 - ปัจจุบัน
2.3.3 วิสัยทัศน์และพันธกิจ
วิสัยทัศน์ : กาฬสินธุ์เมืองน่าอยู่ แหล่งผลิตอาหารปลอดภัย ผ้าไหมแพรวาหนึ่งเดียว
แหล่งท่องเที่ยว
น่าชม
พันธกิจ : 1.พัฒนาคน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
2.พัฒนาการเกษตรให้ปลอดภัยและได้มาตรฐานมีขีดความสามารถในการแข่งขัน
3.พัฒนาผ้าไหมแพรวา
4.พัฒนาการท่องเที่ยว
เป้าประสงค์รวม : เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างยั่งยืนและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ตัวชี้วัด : ร้อยละของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในจังหวัด
ค่าเป้าหมาย : ร้อยละ ๓
จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งอยู่ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ระหว่างเส้นละติจูด(เส้นรุ้ง) ที่ 16-17 องศาเหนือ และ ลองติจูด (เส้นแวง) ที่
103-104 องศาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานคร โดยทางรถยนต์ประมาณ 519 กิโลเมตร
มีเนื้อที่ ประมาณ 6,946.746 ตร.กม. หรือ ประมาณ 4,341,716 ไร่ หรือ ร้อยละ 4.5
ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ
|
ติดต่อกับ
|
จังหวัดสกลนคร และ จังหวัดอุดรธานี โดยมีลำน้ำปาวและห้วยลำพันชาดเป็นแนวกั้นแบ่งเขต
|
ทิศใต้
|
ติดต่อกับ
|
จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดมหาสารคาม
|
ทิศตะวันออก
|
ติดต่อกับ
|
จังหวัดสกลนครและจังหวัดมุกดาหาร โดยมีสันปันน้ำของเทือกเขาภูพานเป็นแนวแบ่งเขต
|
ทิศตะวันตก
|
ติดต่อกับ
|
จังหวัดมหาสารคาม โดยมีลำน้ำชีเป็นเส้นแบ่งเขตและบางส่วนติดต่อกับจังหวัดขอนแก่น
|
จังหวัดกาฬสินธุ์
มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงจนถึงที่ราบลุ่มมีน้ำแช่ขัง ดังนั้น
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของจังหวัดกาฬสินธุ์สามารถแบ่งลักษณะภูมิประเทศได้ 5 ลักษณะ ดังนี้
1. พื้นที่ที่เป็นภูเขา ได้แก่ เทือกเขาภูพาน
ซึ่งมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 200-500 เมตร อยู่ทางทิศตะวันออก และทิศเหนือของจังหวัดในพื้นที่ของอำเภอ สมเด็จ ,อำเภอเขาวง อำเภอกุฉินารายณ์ ,อำเภอห้วยผึ้ง
บริเวณนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญได้แก่ ลำน้ำปาว ,ลำน้ำพาน
2. สภาพที่เป็นหุบเขา อยู่ในเขตอำเภอเขาวง มีลักษณะเป็นที่ราบระหว่าง
หุบเขาสภาพเป็นลูกคลื่น สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 175-250 เมตร มีลักษณะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น อยู่ในเขตอำเภอท่าคันโท อำเภอ
สหัสขันธ์ บริเวณทิศเหนือของอำเภอยางตลาด ทิศใต้ของอำเภอสมเด็จ
และบางส่วนของอำเภอห้วยผึ้ง
3. สภาพเป็นลูกคลื่น สูงจากระดับน้ำปานกลาง 175-250 เมตร มีลักษณะเป็นลูกคลื่น ลอนตื้น อยู่ในเขตอำเภอท่าคันโท อำเภอสหัสขันธ์
บริเวณทิศเหนือของอำเภอยางตลาด ทิศใต้ของอำเภอสมเด็จ และบางส่วนของอำเภอห้วยผึ้ง
4. สภาพค่อนค้างราบ มีระดับน้ำทะเลปานกลาง 150-170 เมตร อยู่ในบริเวณอำเภอเมือง อำเภอยางตลาด
บางส่วนของทิศใต้ของอำเภอสหัสขันธ์ ทางทิศตะวันออกของอำเภอสมเด็จ และอำเภอห้วยผึ้ง
5. สภาพพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งน้ำ เป็นที่ราบริมฝั่งแม่น้ำชี ลำน้ำปาว
ลำน้ำพาน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 140-150 เมตร อยู่ในอำเภอกมลาไสย บางส่วนของอำเภอเมืองและอำเภอยางตลาด
3. ลักษณะภูมิอากาศและอุตุนิยมวิทยา
ภูมิอากาศโดยทั่วไปของจังหวัดกาฬสินธุ์
จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ
มีอากาศร้อนและค่อนข้างหนาวในฤดูหนาว ส่วนฤดูฝนจะมีฝนตกชุกช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง
เดือนตุลาคม จังหวัดกาฬสินธุ์มีฝนตกเฉลี่ย ๑๓๙๘.๔ มิลลิลิตร/ปี อุณหภูมิสูงสุด 41.5 องศาเซลเซียสและอุณหภูมิต่ำสุด 12.7 องศาเซลเซียส (ที่มา :
สถานีอุตุนิยมวิทยากาฬสินธุ์ ข้อมูล เฉลี่ย รอบ 17 ปี)
4.1 การขนส่งและการคมนาคม จังหวัดกาฬสินธุ์
มีการคมนาคมขนส่งติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
ทางรถไฟ ต้องลงที่จังหวัดขอนแก่น
แล้วต่อรถโดยสารจากจังหวัดขอนแก่นเข้าจังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร
ทางอากาศ ต้องลงที่จังหวัดขอนแก่น
แล้วต่อรถโดยสารจากจังหวัดขอนแก่นเข้าจังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะทางประมาณ 83 กิโลเมตร
ทางรถยนต์ สามารถใช้เส้นทางติดต่อทั้งภายในจังหวัด
และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนถึงกรุงเทพมหานคร ได้อย่างสะดวก
การประปา มีกิจการประปาทั้งหมด ๓ แห่ง
ดำเนินการโดยการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดกาฬสินธุ์
การไปรษณีย์โทรเลข มีที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข ๑๘ แห่ง
ให้บริการด้านสื่อสารไปรษณียภัณฑ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โทรศัพท์ ในปีงบประมาณ 2556 มีชุมสายโทรศัพท์ โครงข่ายของ TOT จำนวน ๗๐ ชุมสาย 25,123 เลขหมาย มีชุมสายโทรศัพท์
โครงข่ายของ TT&T จำนวน 8 ชุมสาย 6,217 เลขหมาย เลขหมายที่เปิดใช้แล้วในส่วนของโครงข่าย TOT จำนวน 15,029 เลขหมาย และโครงข่าย TT&T จำนวน 2,804 เลขหมาย
โดยประเภทผู้เช่าส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย ธุรกิจ ส่วนราชการ ตามลำดับ (ที่มา :
บ.ทีโอที จำกัด จำกัด (มหาชน) ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2556)
ไฟฟ้า จังหวัดกาฬสินธุ์
มีไฟฟ้าใช้กระจายไปเกือบทุกหมู่บ้านในจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ในปี 2556
มีจำนวนครัวเรือนที่มีไฟฟ้าใช้ คิดเป็นร้อยละ 99 ของครัวเรือนทั้งหมด (ที่มา :
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2556)
5.
แหล่งท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์และโบราณวัตถุ
อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร ( ท้าวโสมพะมิตร )
ตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์ โทรเลขจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอนุสาวรีย์หล่อด้วยสัมฤทธิ์เท่าตัวจริง ยืนบนแท่น มือขวาถือกาน้ำ มือซ้ายถือดาบอาญาสิทธิ์ ชาวกาฬสินธุ์ได้สละทรัพย์ก่อสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตาคุณต่อผู้ให้กำเนิดเมืองกาฬสินธุ์
ตั้งอยู่ตำบลภูปอ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ไปทางทิศเหนือประมาณ 28 กิโลเมตร ไปทางอำเภอสมเด็จหรืออำเภอสหัสขันธ์ เป็นที่ประดิษฐพระพุทธรูปโบราณปางไสยาสน์ ฝีมือช่างจากสมัยทวาราวดีจำหลักบนหน้าผา 2 องค์ เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดกาฬสินธุ์และใกล้เคียง องค์แรกประดิษฐานอยู่บนเชิงเขาทางขึ้น องค์ที่สอง ประดิษฐานอยู่บนภูปอนอก
จากภูปอจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์แล้วยัง
เป็นสถานที่มีทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจอย่าง ยิ่ง
อยู่บ้านนาสีนวล ตำบลโนนศิลา อำเภอสหัสขันธ์ ห่างจากตลาดสหัสขันธ์ประมาณ 6กิโลเมตร
บริเวณถ้ำภูค่าวแต่เดิมเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่งปัจจุบันเป็นเพียง
วัดเล็กๆเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ภูค่าวซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แปลกจาก
พระนอนทั่วไป คือ ไสยาสน์ตะแคงซ้าย ไม่มีพระเกตุมาลา พระนอนองค์นี้มีประวิติว่าสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2235 เป็นพระโมคัลลาน เป็นที่เคารพของชาวบ้านทั่วไป มีงานนมัสการปิดทองในวันตรุษสงกรานต์ทุกปี
ตั้งอยู่บนยอดเขาภูสิงห์ อำเภอสหัสขันธ์ ใกล้ตลาด สหัสขันธ์ห่างจากจังหวัด 34 กม. มีทางขึ้น 2 ทาง คือ ทางราดยางคดเคี้ยวขึ้นตามไหล่เขาทางทิศตะวันตก และทางเดินเท้า ทำเป็นบันได 104 ขั้น ทางทิศตะวันออก เป็นสถานที่พักผ่อนที่ร่มรื่นล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ทั้งยังมองเห็นทิวทัศน์ของทุ่งนา หมู่บ้าน และน้ำในเขื่อนลำปาวอันสวยงามอีกด้วย พุทธสถานภูสิงห์เป็นที่ประดิษฐานพระพรหมภูมิปาโล
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 10.5เมตร
มีพุทธลักษณะสง่างามเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2511
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอกมลาไสย ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กม. มีซากอิฐปนดินคูเมืองสองชั้น มีลักษณะเป็นท้องน้ำที่พอมองเห็น คือพระธาตุยาคูผังเมืองรูปไข่แบบทวาราวดีแต่มีตัวเมืองสองชั้นเชื่อว่าเกิดจากการขยายตัวเมือง ชาวนามักขุดพบใบเสมาหินทรายมีลวดลายบ้างไม่มีบ้าง ที่ขึ้นทะเบียนไว้ทางกรมศิลปากร 130 แผ่น พระพิมพ์ดินเผามีลักษณะเป็นอิทธิพลของสกุลช่างคุปตะรุ่นหลัง อายุประมาณ 1,000 – 2,000 ปี มีอยู่ทั่วไปนอกจากนี้ยังพบกล้องยาสูบดินเผาลวดลายอมราวดีก้านขดเป็นรูปตัวมังกร อายุ 7,000 ปี ที่น่าสนใจคือกล้องยาสูบชนิดเดียวกันแต่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์อายุประมาณ 5,000
– 6,000 ปี ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ายุคโลหะของสุวรรณภูมิได้เริ่มมาก่อนทุก
ๆ แห่งในโลกนี้
ตั้งอยู่กลางทุ่งนาทิศเหนือบ้านเสมา อำเภอกมลาไสย ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ19 กิโลเมตร เป็นศิลปะการก่อสร้างแบบทวาราวดีทำด้วยอิฐดิน ฐานเป็นรูป 8 เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองขนาดฐานกว้าง 10 เมตร ยาว10 เมตร สร้างซ้อนกันเป็นลักษณะแบบจตุรมุข สูงจากฐานถึงยอด 8 เมตร เชื่อกันว่าเป็นเจดีย์บรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ
ตั้งอยู่บ้านเสมาตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย (อยู่ภายในเมืองฟ้าแดดสงยาง)ทำด้วยศิลาแลง กว้าง 1 ศอก หนา 8 นิ้ว รวม29 แผ่น และทำด้วยศิลาแลง จำหลักฐานเป็นเทวดาผู้ชาย 1 หลัก ผู้หญิงยืนเคียงกัน 1หลัก กว้าง 1 ศอกคืบ ยาว 3 ศอก หนา 8 นิ้ว1 แผ่น
พิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือ อุทยานโลกไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูกุ้มข้าว วัดป่าสักกะวันอ.สหัสขันธ์
จ.กาฬสินธุ์ เป็นแหล่งค้นพบซากโครงกระดูกของไดโนเสาร์
ซึ่งมีอายุกว่า150 ล้านปี ที่มีความสมบูรณ์
และมากที่สุดในประเทศไทย (มากกว่า 700 ชิ้น) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาเปิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม
พ.ศ.2551 เปิด.ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.
จังหวัดกาฬสินธุ์ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2539 บริเวณกลางลานหินร่องน้ำห้วยวังเครือจาน เชิงเขาภูแฝก
เทือกเขาภูพาน บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้างอำเภอนาคู
จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ประเภทเทอร์โรฟอส จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ ชนิดกินเนื้อ อายุประมาณ 140ล้านปี ซึ่งลักษณะรอยเท้ามีความชัดเจนถึง 7รอย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์
นอกจากนี้ยังขุดพบซากกระโครงกระดูกที่วัดบ้านนาไคร้ อำเภอกุฉินารายณ์ และที่เชิงเขาวัดภูปอ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
หมู่บ้านพัฒนาวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง
อำเภอกุฉินารายณ์
ห่างจากจังหวัดประมาณ90 กม. ได้รับรางวัลชนะเลิศหมู่บ้านวัฒนธรรมดีเด่นแบบ HOMESTAY
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์
ศาลากลางจังหวัด(อาคารเดิม) จัดตั้งเป็นศูนย์สาธิตอาชีพหัตถกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์
ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการต่าง เช่น ห้องประวัติของจังหวัดกาฬสินธุ์ ห้องวิถีชีวิตชาวผู้ไทยในอดีต
ที่มีหัตถกรรมพื้นบ้านต่าง ๆ
จัดแสดงไว้ห้องเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
ห้องวิถีชีวิตการทำนาชาวนากาฬสินธุ์ ห้องโชว์แพรวา ห้องจัดแสดงผลผลิตทางการเกษตร
และห้องจำหน่ายผ้าไหม สินค้าของที่ระลึกต่าง ๆ ของจังหวัด
พุทธอุทยานอ่างเก็บน้ำห้วยสังเคียบ
อ.สมเด็จ (ห่างจากจังหวัดประมาณ 42 กม.)นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแล้วยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสมเด็จชุมเย็นมิ่งเมืองกาฬสินธุ์อีกด้วย
ศูนย์วัฒนธรรมชาวผู้ไทยบ้านโพน (ศูนย์วิจิตรแพรวาบ้านโพน)
อ.คำม่วง (ห่างจากจังหวัดประมาณ 85 กม. )ประกอบ ด้วยอาคารวิจิตรแพรวา
ศาลาเฉลิมพระเกียรติ อาคารโปงลางและงานการแสดงพื้นบ้านอื่นๆ ของจังหวัด
พร้อมกับหาซื้อผ้าไหมแพรวาและสินค้าของที่ระลึกต่าง จากแหล่งผลิตในราคาท้องถิ่น
เป็นเขื่อนดิน สูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 กิโลเมตร กว้าง 8 เมตร นับเป็นเขื่อนดินยาวที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างเมื่อ ปี พ.ศ.
2506 เพื่อปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยางที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลลำปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อนจึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสองให้เป็นอ่างเดียวกัน ซึ่งตัวอ่างน้ำเก็บน้ำได้ 1,430ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับน้ำเหนือเขื่อน5,960 ตารางกิโลเมตร ทางเข้าเขื่อนแยกจากทางหลวงสายกาฬสินธุ์ – มหาสารคามที่กิโลเมตรที่ 10 ประมาณ 26 กิโลเมตร เขื่อนลำปาวเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำทางบกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
ซึ่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปรับปรุงได้อย่างสวยงาม อยู่บริเวณหน้าสันเขื่อนลำปาวและอุทยานสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์เพาะปลา รวมจัดเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำด้วย
สวนสะออน (สถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าลำปาว)
เป็นสวนป่าธรรมชาติอยู่ทางทิศเหนือของเขื่อนลำปาว มีเนื้อที่ประมาณ 1,420 ไร่สร้างขึ้นเพื่อรักษาป่าธรรมชาติ ปรับปรุงบริเวณให้สะอาดร่มรื่น
ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมแบ่งภายในบริเวณสวนสะออนออกเป็นส่วน ๆ
โดยสร้างรั้วตาข่ายล้อมรอบ แล้วนำสัตว์ป่าในเมืองไทย ทุกชนิดมาปล่อยไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและศึกษา ตลอดทั้งหาความเพลิดเพลินกับธรรมชาติด้วย
เป็นผืนดินที่ยื่นเข้าไปในบริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนลำปาว ตั้งอยู่ที่ ตำบลโนนบุรีอำเภอสหัสขันธ์ ห่างจากตัวจังหวัดกาฬสินธุ์36 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดในจังหวัดกาฬสินธุ์
เป็นสวนสาธารณะและพักผ่อน อยู่ที่อำเภอหนองกุงศรี อยู่ริมฝั่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาวตรงข้ามกับแหลมโนนวิเศษ อำเภอสหัสขันธ์สามารถนั่งเรือหรือแพขนานยนต์ข้ามฟากได้ขณะนี้จังหวัดได้ทำโครงการพัฒนาถนนรอบเกาะเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
อยู่ในเขตบ้านแก้งกะอาม หมู่ที่ 6 ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่กำลังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ลักษณะน้ำตกเป็นแก่งหินเรียงรายเป็นแนวยาว มีลานหินกว้าง สามารถจัดงานเทศกาลประจำปีได้ มีถ้ำกว้างสามารถเข้าพักผ่อนได้ การเดินทางเข้าชมทิวทัศน์สะดวกทุกฤดูกาล
ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานในเขตบ้านแก้งกะอาม หมู่ที่ 6 ตำบลผาเสวย
เดิมชาวบ้านเรียกว่า “ผารังแร้ง” เมื่อ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จผ่านและเสวยพระกระยาหารกลางวัน จึงเรียกที่ประทับแห่งนั้นว่า “ผาเสวย” ซึ่งมีลักษณะหน้าผาสูงชันตั้งอยู่บนเหวลึก ชาวบ้านเรียกกันว่า“เหวหำหด” บนหน้าผาเสวยสามารถชมทัศนียภาพ และเป็นที่ผักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี ระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอสมเด็จ 17 กิโลเมตร เส้นทางสายสมเด็จ –สกลนคร
พุทธอุทธยาน “ เกาะแก้วเบญจรัตน์”
ตั้งอยู่กลางอ่างเก็บน้ำห้วยสังเคียบ
อำเภอสมเด็จ (ห่างจากจังหวัดประมาณ 42กิโลเมตร) นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแล้วยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสมเด็จชุ่มเย็นมิ่งเมืองกาฬสินธุ์
หล่อด้วยโลหะทองเหลืองรมดำ จำลองจากพระพุทธรูปหลวงพ่อองค์ดำ
ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองกาฬสินธุ์